บทวิเคราะห์หุ้น PTT ปตท. 7 กรกฎาคม 2554


บทวิเคราะห์หุ้น PTT ปตท.

PTT ถือว่าเป็นหุ้นยอดนิยมที่สุดในเมืองไทยในตอนนี้ มีสถาพคล่องที่ดีมากซื้อง่ายขายคล่อง และเป็นหุ้นที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยเป็นอย่างมาก ถ้า PTT ขึ้นหรือลง SET Index มักจะเป็นไปตามกัน

ปตท. แบรนด์นี้ถือว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ถ้าพูดถึงพลังงานแบรนด์นี้ต้องเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ผุดขึ้นมาในความคิดของคนไทยอย่างแน่นอน และถือได้ว่าเป็นเบอร์หนึ่งในเรื่องพลังงานเลยทีเดียว ถ้าพูดถึงความเจริญเติบโตก็ต้องยอมรับว่าไม่ว่าจะเดินทางไปไหนมาไหนจะเป็นปั๊มปตท.อยู่ทั่วเต็มไปหมด และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รถที่วิ่งตามท้องถนนก็มีแต่เพิ่มขึ้นๆ

มาวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานกันบ้างนะครับ PTT มี P/E อยู่ที่ 10.46 ก็ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆของกลุ่มพลังงาน P/BV อยู่ที่ 1.96 ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆเมื่อเทียบกับกลุ่มเดียวกัน มีสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นทุกปีแต่จะสะดุดแค่ปี 51 นิดหน่อย ส่วนของผู้ถือหุ้นก็เพิ่มขึ้นทุกปี แต่กำไรสุทธิปี 50 สูงมากเมื่อเทียบกับทุกปีตรงนี้ให้ลองเข้าไปดูในงบการเงินแบบละเอียดอีกทีนะครับ เพราะมันค่อนข้างจะยาว ROA และ ROE ก็อยู่ในระดับมาตรฐานคือ 13.55 และ 19.73 ตามลำดับ และปันผลอยู่ที่ 2.95 ถือว่าพอใช้ ภาพรวมแล้วผมให้ 9 เต็ม 10 ครับ เพราะว่าพลังงานยังไงก็มีแนวโน้มที่จะโตไปเรื่อยๆ

มาดูทางเทคนิคกันบ้างนะครับ ตั้งแต่ต้นปี 52 เป็นต้นมาราคาของ PTT ก็เป็นแนวโน้มขาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดมาตลอด ขึ้นมาตั้งแต่ 150 บาทจนถึงปัจจุบันที่ 347

มาดูแนวโน้มราคาระยะกลางกันบ้างครับ เมื่อดูจากกราฟรายวันแล้ว PTT ยังเป็นขาลงอยู่ครับ ถึงแม้ว่าหลังเลือกตั้งราคาจะกระโดดดีใจขึ้นไปค่อนข้างจะมากและหลุดเส้นแนวโน้มขาลง แต่ว่ายังไว้ใจไม่ได้เพราะเป็นช่วงที่มีข่าวดีหลังเลือกตั้งออกมาพอดีทำให้นักลงทุนแห่เข้าไปซื้อหุ้นเก็บไว้จึงทำให้ราคาลากขึ้นไปอย่างที่เห็นในรูป ทางที่ดีรอซักครู่เพื่อให้ราคามันไปในทิศทางตามพื้นฐานที่มันควรจะเป็นจะดีกว่า ถึงแม้ในใจผมคิดว่ายังไงมันก็ต้องขึ้นไปอีก แต่ว่าเพื่อการนอนหลับอย่างสบายใจไม่กังวล รอแนวโน้มชัดๆแล้วค่อยเข้าดีกว่า

คำแนะนำสำหรับหุ้น PTT ปตท.

เพื่อที่จะนอนหลับอย่างสบายใจรอแนวโน้มชัดๆแล้วค่อยว่ากันดีกว่าครับ แต่ถ้าใครใจร้อนจะซื้อตอนนี้ก็ให้ตั้งจุดตัดขาดทุนเอาไว้ที่ 300 บาท

ระวัง! ถ้าใครซื้อตอนนี้ และราคาลงมาถึง 300 บาทให้พิจารณาขายตัดขาดทุนตามแต่จะพิจารณา

แชร์หน้านี้ผ่าน facebook

0 comments: