บทวิเคราะห์หุ้น KBANK ธนาคารกสิกรไทย 1 กรกฎาคม 2554


บทวิเคราะห์หุ้น KBANK ธนาคารกสิกรไทย

มาดูบทวิเคราะห์ทางด้านการตลาดกันก่อนเลยนะครับ ธนาคารกสิกรไทยถือว่าเป็นหนึ่งในผู้นำของธนาคารไทย แบรนด์ของธนาคารถือว่าแข็งแกร่งมากเลยทีเดียว (ฝากให้เรา ช่วยดูแล) เรื่องการบริหารและกลยุทธทางด้านการตลาดต้องยอมรับว่าทำได้ดีมาก ทำให้ลูกค้าติดตราตรึงใจการบริการของธนาคารได้เป็นอย่างดี

เรื่องการโฆษรณาทางทีวีบ่อยๆนี่มีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการของธนาคารเป็นอย่างมากครับ มันทำให้พวกเราๆท่านๆคุ้นเคยกับธนาคารเป็นอย่างดี สมมติว่านายสมชายกำลังคิดจะเปิดบัญชีขึ้นมาใหม่สักหนึ่งบัญชีเพื่อจะทำอะไรซักอย่างนึง ในช่วงที่กำลังตัดสินใจอยู่นั้น ชื่อธนาคารอะไรก็ตามที่วิ่งเข้ามาในความคิดธนาคารแรก ธนาคารนั้นก็มีสิทธิที่จะได้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก 1 ราย

มาดูบทวิเคราะห์พื้นฐานกันต่อเลยครับ หุ้นในกลุ่มธนาคารนี่ขึ้นชื่อเรื่องการมีหนี้เยอะเลยครับ KBANK ก็เช่นเดียวกันมีหนี้ค่อนข้างจะเยอะเลยทีเดียวเทียบเป็น 90% ของทรัพย์สินที่มีอยู่ทั้งหมดเลยทีเดียว แต่ว่าเมื่อบวกลบคูณหารแล้ว KBANK มีทรัพย์สินรวมเพิ่มขึ้นทุกปี ตรงนี้ถือว่าเยี่ยมมากครับต้องยกนิ้วให้เลย กำไรสุทธิก็เพิ่มขึ้นทุกปีจะสะดุดก็แค่ปี 52 แค่นั้นเอง ส่วนอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนค่อนข้างจะน้อยตามกลุ่มของธนาคารครับอยู่ที่ 2.08 ภาพรวมแล้วถ้าใครจะถือยาว ผมให้คะแนน 7 เต็ม 10 ครับ เพราะเงินปันผลไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่

มาดูทางเทคนิคกันต่อเลยครับ เมื่อดูจากกราฟรายวันยังอยู่ในช่วงขาลงนะครับ หลังจากช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาราคาก็เป็นช่วงขาลงมาตลอดจาก 134 บาท ลงมาเรื่อยๆจนถึงปัจจุบันที่ 120 บาท ทั้งแนวโน้มราคาก็เป็นขาลง MACD และ RSI ยังอยู่ในระดับต่ำ

คำแนะนำสำหรับหุ้น KBANK ธนาคารกสิกรไทย

KBANK ราคาค่อนข้างจะแกว่งตัวแรงนะครับช่วงนี้ ต้องหาจังหวะเข้าแม่นๆออกเร็วๆ ถึงแม้ว่าเมื่อดูจากกราฟรายวันแล้ว MACD, RSI และ Stoch จะเชิดหัวขึ้นแต่ว่าแนวโน้มราคาก็ยังเป็นขาลงอยู่ รอให้แนวโน้มราคาชัดกว่านี้แล้วค่อยว่ากันอีกทีแล้วกันนะครับ

แชร์หน้านี้ผ่าน facebook

บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นไทย SET Index 29 มิถุนายน 2554


บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นไทย SET Index

ดูจากกราฟรายวัน หลังจากที่ตลาดหุ้นไทยลงมาต่ำสุดตั้งแต่หลังสงกรานต์ที่ 998.39 ในวันที่ 9 มิถุนายน 2554 ที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่ลงไปถึงจุดต่ำสุดเดิมในวันที่ 11 กุมภา 2554 ที่ 937.06 จากกราฟบ่งบอกว่าทิศทางยังไม่แน่นอนว่าจะไปทางไหนกันแน่

ยังไงก็ต้องรอหลังเลือกตั้งว่าจะไปทิศทางไหน เพราะตอนนี้เมื่อดูจากกราฟทางเทคนิคแล้ว ถึงแม้ว่าแนวโน้มระยะกลางยังเป็นขาลงแต่ว่าตอนนี้กราฟก็ยังทรงๆอยู่ไม่รู้ว่าจะลงไปต่อหรือว่าจะขึ้นดี

แชร์หน้านี้ผ่าน facebook

บทวิเคราะห์หุ้น KTB ธนาคารกรุงไทย 23 มิถุนายน 2554


บทวิเคราะห์หุ้น KTB ธนาคารกรุงไทย

สำหรับ KTB ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้นำของธนาคารในประเทศไทยและพัฒนามาจากเมื่อก่อนอย่างมาก จากเมื่อก่อนผมจำได้ว่าถ้าใครจะไปที่ธนาคารก็จะต้องถือคติ "จะฝากจะถอน เอาหมอนไปด้วย" แต่มาถึงตอนนี้เวลาไปที่ธนาคารกรุงไทยบางครั้งนับ 1 ถึง 10 ยังไม่ครบก็เสร็จธุระที่ธนาคารแล้ว

มาดูเรื่องพื้นฐานของ KTB กันก่อนนะครับ ส่วนของผู้ถือหุ้นตั้งแต่ปี 50 เป็นต้นมามีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆถือว่าเยี่ยมมาก กำไรสุทธิก็ขึ้นมาเรื่อยๆจะมีสะดุดบ้างในปี 52 แต่ภาพรวมถือว่าเยี่ยม แต่เมื่อมาดูที่ ROE ไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่อยู่ที่ 14.53 ส่วนเงินปันผลอยู่ที่ 2.90 ก็ถือว่าโอเคอยู่ครับ ภาพรวมพื้นฐานผมให้คะแนน 7 เต็ม 10

มาดูทางเทคนิคกันต่อเลยครับ ตั้งแต่มกราคม 2552 เป็นต้นมาเมื่อดูจากกราฟรายสัปดาห์แนวโน้มใหญ่ KTB ก็เป็นขาขึ้นมาตลอดและราคาก็ไม่เคยลงไปต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันเลย ขึ้นไล่มาตั้งแต่ประมาณ 3 บาทจนมาถึงปัจจุบัน 17 บาท

มาดูแนวโน้มระยะสั้นดูบ้างนะครับ ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเมษาที่ผ่านมาก็เป็นขาลงมาเรื่อยๆ ลงมาจาก 20 บาทกว่าๆจนมาถึง 17 บาท ถึงแม้ว่าจะมีแรงซื้อเข้ามาบ้างแต่ยังไงซะก็ยังสู้แรงเทขายไม่ได้เลย ทั้งแนวโน้มราคา MACD และ RSI ก็ต่างพากันมุดลงดินตามๆกันมาทั้งหมด

คำแนะนำสำหรับหุ้น KTB ธนาคารกรุงไทย

ตอนนี้ให้รอไปก่อนนะครับรอให้แนวโน้มราคาเป็นขาขึ้นชัดๆก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกทีนึง

แชร์หน้านี้ผ่าน facebook

บทวิเคราะห์หุ้น CPF เจริญโภคภัณฑ์อาหาร 22 มิถุนายน 2554


บทวิเคราะห์หุ้น CPF เจริญโภคภัณฑ์อาหาร

มาดูการวิเคราะห์ทางการตลาดกันก่อนนะครับ "เราจะเป็นครัวของโลก นี่คือสิ่งที่ CPF จะทำในอนาคต" หุ้นตัวนี้ผมค่อนข้างจะชอบครับ ถ้าใครจะถือยาวๆลองเอาตัวนี้ไปพิจารณาดู ต้องยอมรับว่าในเรื่องของอาหารการกินนั้น CPF คือผู้นำอย่างแท้จริง ด้วยประสบการณ์ที่ยาวนาน ฝีไม้ลายมือในการบริหาร เรื่องที่จะเป็นครัวของโลกผมคิดว่า CPF ทำได้แน่ เพราะฉนั้นโอกาสที่จะเติบโตเป็นได้สูงมาก

ชาวยิวเผ่าพันธุ์ที่ถือว่ารวยที่สุดในโลก เงินส่วนมากของโลกตกอยู่ในกระเป๋าของชาวยิว มีคำสอนที่สอนต่อๆกันมาเกี่ยวกับการหาเงินว่า "ถ้าจะหาเงินเข้ากระเป๋าให้เล็งกลุ่มเป้าหมายไปที่ อะไรก็ได้ที่เป็นของกินหรือไม่ก็สินค้าที่เกี่ยวกับผู้หญิงซื้อกินซื้อใช้ และกลุ่มเป้าหมายต้องเป็นกลุ่มคนที่ค่อนข้างจะมีเงิน" CPF นั้นก็เข้าข่ายวิธีคิดของชาวยิวเช่นกันนั่นก็คือ "สินค้าที่เกี่ยวกับอาหาร" เพราะอะไรชาวยิวถึงพูดเช่นนั้น ก็เพราะว่าการกินเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องทำกันทั้งนั้น จะสังเกตุเห็นว่าอะไรก็ตามที่เป็นอาหารถ้ารสชาดไม่แย่ซะจนกินไม่ได้ ยังไงซะก็ยังขายได้ขึ้นอยู่กับว่าจะขายได้น้อยหรือได้มาก

ถึงแม้ว่าในตลาดอาหารจะมีคู่แข่งที่เยอะแยะมากมายแต่สิ่งหนึ่งที่ CPF มีจุดเด่นอย่างมากก็คือ "คุณภาพของอาหาร" เมื่อลูกค้านึกถึงอาหารของบริษัทนี้ค่อนข้างจะไว้วางใจเรื่องคุณภาพที่ในตอนนี้หาที่ไหนแทบจะไม่มี ความสะอาด รสชาดที่ยอมรับได้ สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เป็นจุดเด่นและฝังอยู่ในแบรนด์ของ CPF

มาดูที่การวิเคราะห์พื้นฐานกันต่อเลยนะครับ CPF มีส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นทุกปีซึ่งจุดนี้ถือว่าเยี่ยมมาก ทั้งรายได้รวม, กำไรสุทธิ, กำไรต่อหุ้น และอัตรากำไรสุทธิ ก็เพิ่มขึ้นทุกปี ROE อยู่ที่ 24.26 ซึ่งถือว่าสูงมาก อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนก็อยู่ในระดับที่โอเคครับ 3.72 ภาพรวมแล้วถือว่าหุ้นตัวนี้มีโอกาสที่จะเติบโตไปได้อีก รวมคะแนนแล้วผมให้ 10 เต็ม 10 เลยครับ

มาดูที่ทางเทคนิคกันต่อเลย ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2552 ที่ผ่านมาหุ้นตัวนี้ราคาพุ่งกระฉูดอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว ไล่มาตั้งแต่ประมาณ 2 บาทกว่าๆจนมาถึงวันนี้อยู่ที่ 28.25 เรียกได้ว่าใครที่ถือหุ้นตัวนี้ไว้ในช่วงก่อนหน้านี้กลายเป็นเศรษฐีกันไปเลยทีเดียว

มาดูช่วงสั้นๆกันบ้างครับ ตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์เป็นมาหุ้นตัวนี้ก็เป็นขาขึ้นมาตลอด ไล่มาตั้งแต่ 21 บาทขึ้นไปเรื่อยๆจนถึง 32 บาทและก็จากนั้นก็มีแรงเทขายทำกำไรเก็บเงินสดก่อนการเลือกตั้งเลยทำให้ราคาลงมาอยู่ที่ 28.25 ในปัจจุบัน

คำแนะนำสำหรับหุ้น CPF เจริญโภคภัณฑ์อาหาร

ในตอนนี้ให้รอไปก่อนนะครับ เพราะว่าช่วงสั้นๆยังเป็นขาลงอยู่ ทั้งแนวโน้มราคา MACD และ RSI ต่างก็ปักหัวลงดินอยู่ แต่ยังไงซะด้วยพื้นฐานที่ดี หุ้นตัวนี้อีกไม่นานก็จะขึ้นไปอีก

แชร์หน้านี้ผ่าน facebook

บทวิเคราะห์หุ้น ADVANC แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส 21 มิถุนายน 2554


บทวิเคราะห์หุ้น ADVANC แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส

ในช่วงนี้หุ้นขาใหญ่ทุกตัวเป็นขาลงในระยะสั้นๆทั้งหมดเนื่องจากเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเรื่องการเมืองทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ขายทำกำไรเก็บเงินสดไว้ดีกว่า แต่มีแค่หุ้น ADVANC ตัวนี้ตัวเดียวที่พุ่งทะยานแบบไม่เกรงใจใคร

มาดูที่ปัจจัยพื้นฐานกันก่อนนะครับ สำหรับ ADVANC มีส่วนของผู้ถือหุ้นน้อยลงทุกปี ดูแล้วไม่ค่อยดีเท่าไหร่ รายได้รวมก็อยู่ในระดับทรงๆไม่ค่อยขึ้นไม่ค่อยลง แต่ว่าเมื่อหักลบกลบหนี้แล้ว กำไรสุทธิหุ้นตัวนี้เพิ่มขึ้นทุกปี กำไรต่อหุ้นก็เพิ่มขึ้นทุกปี และที่สำคัญมี ROE ที่สูงมากถึง 38.91 เลยทีเดียว รวมคะแนนแล้วผมให้ 8 เต็ม 10 ครับ

มาดูทางด้านเทคนิคกันบ้าง ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2554 เป็นต้นมา ADVANC เป็นแนวโน้มขาขึ้นมาตลอด ไล่มาตั้งแต่ 78 บาทจนถึงปัจจุบัน 102.71 บาท ทั้ง แนวโน้มราคา MACD และ RSI ก็อยู่ในระดับสูงมาตลอด

คำแนะนำสำหรับหุ้น ADVANC แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส

ตอนนี้เป็นช่วงขาขึ้นให้ตามน้ำไปเลยครับ ปล่อยให้ราคาไหลไปเรื่อยๆเหมือนการโต้คลื่น อดทนตามคลื่นไปเรื่อยๆจนกว่าคลื่นของราคาขาขึ้นจะหมดกำลังลงก็ขายทำกำไร หลังจากเข้าซื้อแล้วราคาอาจจะย่อตัวลงมานิดหน่อยก็ไม่ต้องตกใจครับเพราะเกิดจากการเทขายทำกำไรเดี๋ยวมันก็ดีดขึ้นไปเหมือนเดิม

ระวัง! แต่ถ้าราคารูดต่ำลงมาถึง 93 บาท ก็ให้พิจารณาขายตัดขาดทุนตามแต่จะพิจารณา (Cut Losses and Let Profits Run)

แชร์หน้านี้ผ่าน facebook

แนะนำหุ้นทีเด็ดวันนี้ CPALL ซีพี ออลล์ 20 มิถุนายน 2554


บทวิเคราะห์หุ้น CPALL ซีพี ออลล์

สำหรับ CPALL หรือที่เราๆรู้จักกันในชื่อแบรนด์ 7-Eleven หุ้นตัวนี้ผมค่อนข้างจะชอบครับ ถ้าใครจะถือยาวๆเอาไว้กินปันผลแทนที่จะเอาเงินไปฝากแบงค์ที่ดอกเบี้ยแทบจะไม่เหลือให้เราแถมยังตามอัตราเงินเฟ้อไม่ทันอีกต่างหาก ลองเอาตัวนี้ไปพิจารณาดูนะครับ ที่สำคัญ ดร.นิเวศน์ ถือตัวนี้อยู่ด้วย

มาดูเรื่องการวิเคราะห์ทางด้านการตลาดกันก่อนเลยนะครับ 7-Eleven แบรนด์นี้ค่อนข้างจะแข็งแกร่งเลยทีเดียว ถ้าพูดถึงเรื่องร้านสะดวกซื้อที่มีตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ 7-Eleven ถือว่าเป็นเบอร์ 1 และก็ยากยิ่งที่จะมีใครเข้ามาแย่งส่วนแบ่งการตลาดได้ ดูจากการที่มีร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์อื่นๆเข้ามาแข่งขัน เปิดไปไม่นานก็ต้องปิดตัวลง หรือถึงแม้จะไม่ปิดแต่ว่าเรื่องยอดขายนี่ยังห่างไกลจาก 7-Eleven มากนัก ถึงแม้ว่าร้านต่างๆเหล่านั้นจะพยายามเลียนแบบเรื่องการจัดวางสินค้า รูปแบบร้านค้า การบริหารร้านต่างๆ แต่ยังไงซะสิ่งหนึ่งที่ร้านอื่นๆยังทำไม่ได้เหมือน 7-Eleven ก็คือ "แบรนด์ที่แข็งแกร่ง"

มาดูเรื่องปัจจัยพื้นฐานกันต่อเลยครับ CPALL ข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ปี 50 เป็นต้นมามีทรัพย์สินลบด้วยหนี้สินถือว่าอยู่ในอัตราที่น่าพอใจระดับนึง อยู่ในระดับกลางๆไม่มากไม่น้อยจนเกินไป แต่ว่ากำไรสุทธิผมให้คะแนนเต็ม 10 ครับ เพราะว่ากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นทุกปี กำไรต่อหุ้นก็เพิ่มขึ้นทุกปี ค่า ROA และ ROE ก็ถือว่าเยี่ยม ถือว่าสูงเลยทีเดียว อัตราเงินปันผลก็ถือว่าโอเคครับ อยู่ที่ 3.15% ถือว่าพอรับได้

มาดูทางด้านเทคนิคกันต่อเลยครับ ดูจากกราฟรายวันตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาหลังจากที่ปรับฐานราคาใหม่ ราคาของ CPALL เป็นขาขึ้นมาตลอด ไล่มาตั้งแต่ 33 บาทไล่มาเรื่อยๆจนถึง 45 บาท ทั้งแนวโน้มราคา MACD และ RSI ก็พร้อมใจกันอยู่ในระดับสูงมาเรื่อยๆ

คำแนะนำสำหรับหุ้น CPALL ซีพี ออลล์

หุ้นตัวนี้ผมชอบที่จะถือยาวๆเอาปันผลมากกว่าเก็งกำไรครับ เพราะว่าพื้นฐานเรื่องแบรนด์แข็งแกร่งจริงๆ แต่ถ้าจะเก็งกำไรตอนนี้ก็ให้รอสักครู่แล้วค่อยเข้าซื้อครับ เพราะว่าราคากำลังลงมาปรับฐานราคาใหม่อยู่ ดูจาก MACD และ RSI ถึงจะอยู่ระดับสูง แต่ก็เป็นแนวโน้มขาลงเพื่อลงมาปรับฐาน และหลังจากเข้าซื้อไปแล้วปล่อยให้ราคาไหลไปเรื่อยๆเหมือนการโต้คลื่น อดทนตามคลื่นไปเรื่อยๆจนกว่าคลื่นของราคาขาขึ้นจะหมดกำลังลงก็ขายทำกำไร หลังจากเข้าซื้อแล้วราคาอาจจะย่อตัวลงมานิดหน่อยก็ไม่ต้องตกใจครับเพราะเกิดจากการเทขายทำกำไรเดี๋ยวมันก็ดีดขึ้นไปเหมือนเดิม

ระวัง! แต่ถ้าราคารูดต่ำลงมาถึง 38 บาท ก็ให้พิจารณาขายตัดขาดทุนตามแต่จะพิจารณา (Cut Losses and Let Profits Run)

แชร์หน้านี้ผ่าน facebook

บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นไทย SET Index 16 มิถุนายน 2554


ช่วงนี้หุ้นใหญ่หลายๆตัวต่างพากันพาเหรดหัวทิ่มดินกันแทบจะทุกตัว จะมีก็แค่ ADVANC ตัวเดียวที่ดูดีมีสง่าราศรีหน่อย ราคาดีดขึ้นมาทำราคาสูงสุดใหม่ในรอบปีตั้งแต่ปีใหม่ทีผ่านมา หุ้นหลายๆตัวที่ดูแนวโน้มกำลังจะเป็นขาขึ้น ก็ดันหักเหลี่ยมหัวมุดดินซะอย่างงั้น เป็นเพราะว่าช่วงนี้นักลงทุนยังคงรอดูเรื่องการเมืองอยู่ หลายๆคนก็เลยต่างพากันเทขายเก็บเงินสดเอาไว้ในมือดีกว่า เพราะไม่อยากเสี่ยงกับเรื่องการเมืองที่จะออกหัวหรือก้อยในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้

มาดูที่ SET Index กันบ้างนะครับ หลังจากที่ SET รูดลงไปเรื่อยๆ จาก 1,109.02 จุด มุดดินลงมาเรื่อยๆจนถึง 998.39 จุด SET ก็ดีดตัวขึ้นไปหายใจเอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเล็กน้อยที่ 1,034.92 แต่ก็ยังอยู่ในแนวโน้มขาลงอยู่ดี

ช่วงนี้ถ้าใครจะซื้อหุ้นเก็บไว้ก็ตั้งจุดตัดขาดทุนเอาไว้ดีๆนะครับ ปลอดภัยไว้ก่อนไม่งั้นอาจจะนอนไม่หลับฝันเห็นแต่ราคาหุ้นได้ เหมือนกับที่เพื่อนผมฝันเห็น ดร.นิเวศน์ มาติวให้ตัวต่อตัวเพราะดันไปซื้อหุ้นสวนแนวโน้มจนต้องเดือดร้อนคนรอบข้างต้องให้ความเห็นเรื่องจะถือไว้หรือขายตัดขาดทุนดี

แชร์หน้านี้ผ่าน facebook

บทวิเคราะห์หุ้น BANPU บ้านปู 9 มิถุนายน 2554


บทวิเคราะห์หุ้น BANPU บ้านปู

มาดูกันอีกครั้งนะครับว่าตอนนี้ BANPU เป็นยังไงบ้าง มาดูปัจจัยพื้นฐานคร่าวๆกันก่อนนะครับ หุ้นตัวนี้พื้นฐานดีทุกอย่างครับ P/E 6.28 เยี่ยมไม่สูงมากนัก P/BV 2.89 เยี่ยมถือว่าไม่มากเกินไป กำไรสุทธิไม่ต้องพูดถึงครับมหาศาลแน่นอน และที่สำคัญทั้ง ROA และ ROE เยี่ยมมากค่อนข้างจะสูงมาก แสดงให้เรารู้ว่าหุ้นตัวนี้มีความสามารถในการนำทรัพย์สินมาทำกำไรได้มากจริงๆ

มาดูทางเทคนิคกันบ้างนะครับ ตั้งแต่เดือนมกราคม 2554 ที่ผ่านมา BANPU ก็เป็นขาลงและทรงๆมาตลอดครับ ลงมาจาก 850 ลงมาเรื่อยๆจนถึง 700 แล้วก็ทรงๆเคลื่อนที่ไปด้านข้างอยู่แถวๆ 700 ถึง 800 เคลื่อนที่อยู่แบบนี้เรื่อยๆ ทั้งแนวโน้มราคา RSI และ MACD ยังจับทางไม่ถูกเลยว่าจะไปทางไหน

คำแนะนำสำหรับหุ้น BANPU บ้านปู

หุ้นตัวนี้จากปัจจัยพื้นฐานก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงครับ พื้นฐานค่อนข้างจะดีเลยทีเดียวแต่ติดที่ว่า "แพงมาก" ถ้าใครจะถือยาวๆหวังปันผลก็เข้าซื้อเก็บไว้ก็ได้ครับ เพราะจากสถิติที่ผ่านมาหุ้นตัวนี้ก็ไม่เคยลงแบบพรวดพราดเลย มีแต่ขึ้นกับขึ้นแล้วก็ย่อตัวลงมาพักปรับฐานแล้วก็ขึ้นไปต่อ แต่ถ้าใครจะซื้อแบบเก็งกำไรก็รอๆดูก่อนก็ดีนะครับ เพราะว่ายังอยู่ในช่วงทรงๆหาทิศทางไม่ได้ รอแนวโน้มชัดๆแล้วค่อยว่ากันน่าจะดีกว่า

แชร์หน้านี้ผ่าน facebook

แนะนำหุ้นทีเด็ดวันนี้ TAPAC ทาพาโก้ 7 มิถุนายน 2554


บทวิเคราะห์หุ้น TAPAC ทาพาโก้

หุ้นตัวนี้พื้นฐานผมให้ 6 เต็ม 10 ครับ ค่า P/E อยู่ที่ 10.63 ก็ตามมาตรฐานของราคาตลาดในตอนนี้ P/BV 2.28 ก็ถือว่าโอเคครับไม่สูงมาก กำไรสุทธิก็เป็นบวกน่าพอใจพอสมควรถึงจะไม่มากก็ถือว่าเยี่ยม ส่วนเรื่องปันผลก็ถือว่าดีครับมีปันผลทุกปี

มาดูเรื่องเทคนิคกันบ้าง TAPAC ถือว่ากราฟมาสวยมากครับตั้งแต่มกราคม 2553 เป็นต้นมา แนวโน้มใหญ่เป็นขาดขึ้นแบบพอดีคำมากๆ ไม่หวือหวาแล้วค่อยขึ้นมาจาก 1 บาทกว่าๆ ไล่มาจนถึงตอนนี้ที่ 3.5 บาท

คำแนะนำสำหรับหุ้น TAPAC ทาพาโก้

ตอนนี้ให้เข้าซื้อได้เลยครับ ปล่อยให้ราคาไหลไปเรื่อยๆเหมือนการโต้คลื่น อดทนตามคลื่นไปเรื่อยๆจนกว่าคลื่นของราคาขาขึ้นจะหมดกำลังลงก็ขายทำกำไร หลังจากเข้าซื้อแล้วราคาอาจจะย่อตัวลงมานิดหน่อยก็ไม่ต้องตกใจครับเพราะเกิดจากการเทขายทำกำไรเดี๋ยวมันก็ดีดขึ้นไปเหมือนเดิม

ระวัง! แต่ถ้าราคารูดต่ำลงมาถึง 3.2 บาท ก็ให้พิจารณาขายตัดขาดทุนตามแต่จะพิจารณา (Cut Losses and Let Profits Run)

แชร์หน้านี้ผ่าน facebook